บิดามารดาไวท์ ณวัชร์ พุ่มโพธิงาม ดาราชายหนุ่ม ให้ปากคำเพิ่มอีกกับตำรวจ สภ.บางกรวย
ทนายความเผยมีผู้เห็นเหตุการณ์เห็นเหตุหลายๆคน คู่กรณีใช้ค้อนเป็นอาวุธ
กรณี นายสุรศักดิ์ พุ่มโพธิงาม อายุ 58 ปี พ่อของ นายณวัชร์ พุ่มโพธิงาม หรือไวท์ ศิลปินดารา ถูกชายหนุ่มคู่กรณีทำร้ายร่างกายด้วยการต่อยรวมทั้งยังตบหน้านางบริสุทธิ์ อริยานุวัฒน์ อายุ 47 ปี ภรรยาของนายสุรศักดิ์ ซึ่งเป็นมารดานายณวัชร์ ข้างหลังเกิดอุบัติเหตุบนถนนเฉี่ยวชนกันจนถึงจำต้องหยุดรถยนต์เพื่อตกลงกัน โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา เวลาราว 13.00 น. รอบๆเชิงสะพานผ่านคลองมหาสวัสดิ์ ถนนราชพฤกษ์ ต.มหาสวัสดิ์ อำเภอบางกรวย จ.จังหวัดนนทบุรี ถัดมานายสุรศักดิ์เข้าแจ้งความกับพนักงานที่ทำหน้าที่ด้านการสอบสวน สภ.บางกรวย เพื่อฟ้องร้องกับคู่กรณีดังที่กล่าวมาข้างต้น ก่อนพนักงานที่ทำหน้าที่ด้านการสอบสวนส่งตัวไปตรวจร่างกาย โดยมีรายงานข่าวว่า คู่กรณีดังที่กล่าวมาข้างต้นเป็นลูกชายของเจ้าหน้าที่รัฐระดับที่ค่อนข้างสูงในศาลนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 2 ส.ค. 2564 นายสุรศักดิ์ นางบริสุทธิ์ รวมทั้งไวท์ ณวัชร์ พุ่มโพธิงาม ดาราชายหนุ่ม พร้อมนายกว้างใหญ่ไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนาย ได้เดินทางมาที่ สภ.บางกรวย จ.จังหวัดนนทบุรี เพื่อปากคำเพิ่มอีกกับ พันตำรวจตรีพรรัตน์ แหลม สว.(ซักถาม) สภ.บางกรวย
นายสุรศักดิ์ เผยออกมาว่า วันที่เกิดเหตุได้ไปทำธุระเสร็จแล้วได้แวะซื้อของกินภายในปั๊มน้ำมัน การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ข้างหลังซื้อเสร็จ ขับขี่รถออกจากปั๊มธรรมดา มิได้มีเรื่องมีราวหรือขับขี่รถปาดกับคู่กรณีเลย ได้ขับอยู่เลนซ้ายตามธรรมดา แต่ว่าเพียงพอมาถึงจุดเกิดเหตุ คนขับเก๋งคัมรี สีฟ้า ได้ปาดหน้ารถยนต์ตน แล้วเบรกให้ชนท้าย แต่ว่าไม่แรง แล้วจู่ๆคู่กรณีลงจากรถยนต์มา ตนจึงเปิดกระจกถามว่า เพราะเหตุใดขับขี่รถแบบงี้ ซึ่งคู่กรณีได้ชกโดยทันที ตนลงจากรถยนต์ ก่อนที่จะชายคู่กรณีจะถือค้อนมารังควานตนอีก
นายสุรศักดิ์ กล่าวอีกว่า วันนี้เดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานที่ทำหน้าที่ด้านการสอบสวนเพิ่มเติ่ม ข้างหลังเข้าแจ้งความไว้ก่อนหน้านี้แล้ว โดยวันที่เกิดเหตุตนได้ขับขี่รถไปทำธุระที่ปั๊มนำ้มันแห่งหนึ่ง ข้างหลังทำธุระเสร็จกำลังขับรถยนต์ออกจากปั๊มน้ำมัน ก็เห็นรถยนต์ของคู่กรณีขับขี่รถออกมาแบบเดียวกัน แค่ปาดกัน แต่ว่าก็มิได้มีการบีบแตรอะไร จนกระทั่งขับขี่รถมาถึงทางลงอุโมงค์วงเวียนพระราม 5 สังเกตว่ารถยนต์ของคู่กรณียังคงขับตามท้ายมาในลักษณะจี๋ท้ายรถยนต์มาตลอด ตนจึงได้ชะลอรถ ให้รถยนต์คู่กรณีแซงหน้าขึ้นทางเลนขวา ส่วนรถยนต์ตนอยู่เลนซ้าย ต่อไปก่อนขึ้นสะพานรถยนต์คู่กรณีได้ขับขี่รถปาดหน้ารถยนต์ตนรวมทั้งเบรกรถยนต์อย่างกะทันหัน จนถึงรถยนต์เบรกไม่อยู่พุ่งชนท้ายคู่กรณี ต่อไปคนขับคู่กรณีซึ่งเป็นผู้ชายได้ลงมาจากรถยนต์ รวมทั้งวิ่งเข้ามาต่อยที่บริเวณใบหน้าจนถึงเกิดการต่อสู้ป้องกันตัวกันขึ้น
“เขากลับไปที่รถยนต์ เอาค้อนมาตีอีกครั้ง ตนเห็นเขามีบาดแผลที่บริเวณใบหน้า จึงได้บอกว่าพอได้แล้ว แต่ว่าชายดังที่กล่าวมาข้างต้นกลับวิ่งไปแย่งกระเป๋าสะพายของภรรยาตนที่นั่งอยู่ในรถยนต์ออกไปเขวี้ยงทิ้ง รวมทั้งยังตบหน้าภรรยา 1 ครั้ง ก่อนที่จะแฟนของชายดังที่กล่าวมาข้างต้นที่นั่งรถยนต์มาด้วยกันจะวิ่งเข้ามาห้าม รวมทั้งพาตัวกลับขึ้นรถไป ซึ่งเรื่องก็คงจะจบแล้ว แต่ว่าอยู่ๆเขาก็ถอยรถยนต์มาชนก่อนจะขับขี่รถหลบซ่อนไป”
นายณวัชร์ กล่าวว่า ข้างหลังเกิดเหตุกับบิดามารดาได้โพสต์ใจความเพื่อขอภาพรวมทั้งข้อมูลผู้ที่เห็นเหตุผ่านทางไอจีของตน ก่อนที่จะมีพี่ทีมงานโทรเข้ามาบอกว่า ผู้ที่รังควานบิดามารดาได้เข้ามาตอบคอมเมนต์ในไอจี ตนจึงได้เข้าไปอ่านมองก็พบว่าเขาเขียนในลักษณะข่มขู่ว่า “มึงมีความคิดว่าพ่อมึงถูกใช่มั้ย ไปคุยกันในศาล เดี๋ยวคุณก็รู้ หลักฐานเป็นไปไม่ได้แปลงเรื่องจริง เป็นศิลปินรวมทั้งอย่าโง่ เพราะว่าเพื่อนพ้องๆข้าก็รู้จักมึง ตอบข้าดิ”
ด้านทนาย เผยออกมาว่า ในเวลานี้จำต้องรอผลตรวจของลูกความจากแพทย์ก่อน เพราะว่าถูกทำร้ายที่ศีรษะ ส่วนอาวุธที่ใช้เป็นค้อน เพราะว่ามีผู้เห็นเหตุการณ์เห็นเหตุหลายๆคน รวมทั้งประเด็นที่มีข่าวออกมาว่าคู่กรณีมีโรคประจำตัวโรคหนึ่ง ก่อนหน้านี้ก็เคยรังควานผู้อื่นมาแล้ว ตนยังไม่เคยรู้ แต่ว่าเท่าที่มองคลิปในช่วงเวลาที่เกิดเหตุก็พบว่าคุยรู้เรื่อง ไม่น่าจะเป็นอะไร ต่อจากนี้ก็จำต้องว่ากันไปโดยชอบด้วยกฎหมาย.